แรนซัมแวร์กับอุตสาหกรรมทางการเงิน (Ransomware in Financial business)
จากบทความที่แล้วเราได้รู้กันไปแล้วว่าอาชญากรไซเบอร์มุ่งเป้าไปที่การแสวงหาผลประโยชน์ทางการเงิน โดยการเรียกค่าไถ่ หรือหลอกขโมยข้อมูลรหัสผ่านที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ และข้อมูลที่สำคัญดังกล่าวไปเปิดเผยต่อสาธารณะหรือขายในตลาดมืดได้ ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการโจมตีแรนซัมแวร์ที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมการเงิน และขั้นตอนที่สามารถดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงให้น้อยลงได้ ปัจจุบันอุตสาหกรรมการเงินมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น การนำ AI เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล การใช้เทคโนโลยีคลาวด์ การทำธุรกรรมและการชำระเงินผ่านทางดิจิทัลแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งการนำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาใช้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ธนาคาร สถาบันการเงิน และธุรกิจประกันภัยต้องเผชิญกับความเสี่ยงและช่องโหว่ของการโจมตีที่กว้างขึ้น เป็นเหตุให้อาชญากรไซเบอร์เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการโจมตีแรนซัมแวร์ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานในสถาบันการเงินต่างๆ เพราะข้อมูลที่ถูกขโมยไป ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่สำคัญ เป็นข้อมูลทางการเงินที่มีมูลค่าสูง โดยในปี 2021 บริษัทบริการทางการเงินมากกว่าครึ่ง (55%) ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์อย่างน้อยหนึ่งครั้ง และเพิ่มขึ้น (62%) จากปีก่อนหน้าคือปี 2020 ตามข้อมูลของ Sophos ยิ่งไปกว่านั้นยังสร้างความเสียหายที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากแรนซัมแวร์มีการพัฒนาความซับซ้อนที่ไม่เพียงแค่เข้าถึงรหัสข้อมูลที่สำคัญได้เท่านั้น ตอนนี้สามารถเข้าถึงเครือข่ายแบบถาวร นั่นหมายความว่าแม้จะชำระเงินค่าไถ่ไปแล้วในครั้งแรก แต่ก็ยังสามารถเข้าถึงเครือข่ายของเหยื่อได้อยู่ ซึ่งทำให้อาชญากรไซเบอร์สามารถติดตามและขโมยข้อมูลอื่น ๆ ได้อีกในอนาคต […]